Product Description

Krill oil Nutracode (น้ำมันกุ้งคริลล์ นูทราโคท) SUPERBA2™

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมก้า-3 เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพครรภ์ที่ดี

แบบใหม่ Krill Oil Nutracode บรรจุกระปุกละ 30 แคปซูล

แบบเก่า แบบใหม่

Krill oil Nutracode น้ำมันกุ้งคริลล์ หรือคริลล์ออย คืออะไร?

ถ้าพูดถึงไขมัน คนส่วนใหญ่คงส่ายหน้าหนี อย่างไรก็ตามไขมันบางตัวนั้นเป็นสิ่งจำเป็นและร่างกายไม่สามารถผลิตไขมันเหล่านั้นเองได้ หรือเรียกว่ากรดไขมันที่จำเป็น ซึ่งก็คือ โอเมก้า-3 และ โอเมก้า-6 หากร่างกายได้รับโอเมก้า-3 ไม่เพียงพอจะส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพมากมายไม่รู้จบ แถมยังกระตุ้นให้เกิดโรครุ้มเร้า อาทิ โรคหัวใจและภาวะข้อต่ออักเสบ หากปราศจากสารอาหารที่จำเป็นตัวนี้แล้ว โครงสร้างของเซลล์ในร่างกายจะหยุดทำงาน ถึงแม้เซลล์ตัวใหม่ถูกผลิตขึ้นมาทดแทนก็จะไม่แข็งแรงเท่าที่เคย

Omega-3 ประกอบด้วย กรดอีพีเอ(EPA:eicosapentaenoic acid) และ กรดดีเอชเอ(DHA:docosahexaenoic acid) ซึ่งสามารถพบได้ในปลาทะเลน้ำลึกชนิดต่างๆรวมไปถึงคริลล์หรือกุ้งคริลล์ ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของร่างกายจึงมีการศึกษาค้นคว้าอย่างกว้างขวาง ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามประโยชน์ของโอเมก้า 3 จากคริลล์ออย

Krill oil (คริลล์ออย) คือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอเมก้า-3 (DHA, EPA) ที่ดีที่สุดในตอนนี้ ซึ่งมาจากคริลล์ (สัตว์น้ำเปลือกขนาดเล็กที่อยู่อาศัยมหาสมุทรที่แอนตาร์กติก) คริลล์เป็นแหล่งโอเมก้า-3 ชั้นเยี่ยม เนื่องจากคริลล์เป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารระดับล่าง ที่กินสาหร่ายเป็นอาหารทำให้มีสารปนเปื้อนในธรรมชาติอยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คริลล์นั้นเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์และปลอดภัย

Krill oil Nutracode น้ำมันกุ้งคริลล์ หรือคริลล์ออย ดีอย่างไร?

เป็นเวลาหลายสิบปีที่น้ำมันปลาเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับอาหารเสริมประเภทกรดไขมัน แต่การศึกษาค้นคว้าตัวใหม่ชี้ให้เห็นว่าน้ำมันคริลล์นั้นเป็นแหล่งอาหารชั้นดีกว่า คริลล์คือสัตว์น้ำเปลือกขนาดเล็กที่อยู่อาศัยมหาสมุทรที่แอนตาร์กติก Omega-3 ใน Krill Oil หรือคริลล์ออยมีสารฟอสโฟลิพิด Phospholipids เมื่อโอเมก้า-3 ผูกพันธะกับ Phospholipids ทำให้ EPA และ DHA ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าในน้ำมันปลาซึ่งอยู่ในรูปแบบ Triglycerides ด้วยสาเหตุนี้ส่งผลให้การทานน้ำมันคริลล์เพียงเล็กน้อย สามารถให้โอเมก้า-3 แก่ร่างกายมากกว่าน้ำมันปลา นอกจากนั้นยังประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแอสตาแซนทิน (Astaxanthin) และโคลีน (Choline) อีกด้วย

Krill oil Nutracode น้ำมันกุ้งคริลล์ หรือคริลล์ออย มีประโยชน์อย่างไร

Krill Oil ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอเมก้า-3 ที่ดีที่สุด ให้สารอาหารที่สำคัญแก่ร่างกายอีกมากมายที่หาไม่ได้ในน้ำมันปลา ได้แก่ แอสตาแซนทิน(Astaxanthin) และฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) และโคลีน (Choline) ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างชัดเจน

แอสตาแซนธินคือ (Astaxanthin) คือสารต้านอนุมูลอิสระที่เราเรียกกันว่าสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามิน E ประมาณ 550 เท่า และมากกว่าวิตามินซีถึง 6000 เท่า ซึ่งแอสตาแซนธินเป็นแคโรทีนอยด์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ พบในสาหร่าย, กุ้ง, ปู, แซลมอนตามธรรมชาติ และคริลล์ ข้อดีของแอสตาแซนธินคือสามารถทำละลายได้ทั้งกับน้ำและไขมัน ทำให้มันสามารถจัดการกับสารอนุมูลอิสระได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แอสตาแซนธินยังไม่ถูกทำลายโดยปฏิกิริยาเคมีเช่นเดียวกับสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ความหมายก็คือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
ฟอสโฟลิปิด (Phospholipids) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์ทั้งหมด ไม่เพียงแค่นั้นมันยังมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคและการเกิดความผิดปกติทั่วไปในระดับเซลล์ หากในร่างกายไม่มีฟอสโฟลิปิดหรือได้รับไม่เพียงพอจะส่งผลให้เซลล์ของเราจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งฟอสโฟลิปิด (phospholipids) คือตัวขนส่ง EPA และ DHA ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยช่วยให้โมเลกุลของกรดไขมันเหล่านี้ผ่านผนังลำไส้ตรงไปยังเนื้อเยื่อหรือเซลล์นั่นเอง
Choline (โคลีน) ในรูปแบบของ ฟอสฟาทิดิลโคลีน (Phosphatidycholine) คือสารที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีส่วนช่วยให้ Omega-3 ถูกดูดซึมเข้าเนื้อเยื่อ อีกทั้งโคลีนยังเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพและร่างกายของทุกเพศทุกวัย เนื่องจากโคลีนเป็นส่วนประกอบของเยื้อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ในร่างกายมีความแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยพัฒนาระบบประสาทและสมอง การเรียนรู้การจดจำ พัฒนากล้ามเนื้อ ลดไขมันผนังหลอดเลือด

Krill oil Nutracode น้ำมันกุ้งคริลล์ หรือคริลล์ออย กับการตั้งครรภ์

โอเมก้า 3 กรดไขมันในคริลล์ออย (Krill oil) สามารถควบคุมความอุดมสมบูรณ์ของฮอร์โมนได้

หนึ่งในบทบาทสำคัญของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีโอเมก้า-3 (DHA, EPA) นั่นก็คือ ควบคุมฮอร์โมนให้เป็นปกติ การตั้งครรภ์นั้นจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นเมื่อเราสามารถควบคุมฮอร์โมนได้ ระดับฮอร์โมนที่ถูกต้องจะช่วยส่งเสริมให้การผลิตไข่ที่มีสุขภาพดี เพิ่มคุณภาพของน้ำมูกบริเวณปากมดลูก ช่วยในด้านสุขภาพโดยรวมของมดลูก ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)และ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน(Progesterone)นั้นมีบทบาทสำคัญในช่วงภาวะเจริญพันธุ์เพราะว่าทั้งสองฮอร์โมนช่วยให้ไข่ที่มีสุขภาพดีเคลื่อนย้ายออกจากรังไข่และฝังตัวลงในผนังมดลูก

หลังจากนั้นในระหว่างตั้งครรภ์ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและรีแลกซิน (Relaxin:ฮอร์โมนโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งผลิตในรังไข่ เต้านมและรก) จะช่วยให้กล้ามเนื้อของมารดาผ่อนคลาย และสร้างเนื้อที่ให้แก่ลูกอ่อนที่เจริญเติบโตในครรภ์

การเพิ่มขึ้นของระดับคาร์โบไฮเดรตและอินซูลินสามารถก่อให้เกิดปัญหาได้ จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า การรับประทานคาร์โบไฮเดรตเพิ่มขึ้นจะเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินในเลือดซึ่งเป็นการขัดขวางภาวะเจริญพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันอาหารโดยทั่วไปประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างมาก (ของหวาน, ขนมปัง, ขนมอบ และอื่นๆ) คุณคงเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงจำนวนมากมีปัญหาในการพยายามตั้งครรภ์ การทานธาตุอาหารให้สมส่วนคือคำแนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน

อัตราส่วนที่สูงขึ้นของพลอสตาไซคลิน(Prostacyclin) และทอมบอกเซน(Thromboxane)นั้นได้มาจากการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอเมก้า-3 ซึ่งทำให้กระบวนการคาร์โบไฮเดรตย้อมกลับและเพิ่มประสิทธิภาพในการเจริญพันธุ์

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอเมก้า-3 คริลล์ออย Krill oil Nutracode สำคัญต่อเด็กอ่อนที่เติบโตในครรภ์อย่างไร

กรดไขมันโอเมก้า 3 (DHA, EPA) เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อลูกน้อยในระหว่างที่อยู่ในครรภ์เพราะช่วยพัฒนาระบบทางประสาทกลางและระบบการไหลเวียน จากสมาคมการตั้งครรภ์ในสหรัฐอเมริกา หญิงตั้งครรภ์ที่รับประทานโอเมก้า 3 ในจำนวนที่เพียงพอช่วงอุ้มท้องจะช่วยให้เด็กที่เกิดมามีพัฒนาการทางกระบวนการรับรู้ที่ดีกว่า

การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition แสดงให้เห็นว่าเด็กที่เกิดจากคุณแม่ที่รับประทานโอเมก้า-3 นั้นจะเป็นเด็กที่ฉลาดทางด้านการใช้คำพูดและพฤติกรรมทางสังคม นอกจากนี้กรดไขมันเหล่านี้ยังช่วยลดการคลอดก่อนกำหนดและเพิ่มน้ำหนักของทารกอีกด้วย และเด็กที่เกิดใหม่จากคุณแม่ที่รับประทานโอเมก้า-3 ช่วงตั้งครรภ์นั้นจะลดโอกาสเสี่ยงในการแพ้อาหารและเป็นโรคผิวหนัง หนึ่งในการศึกษาพบว่าดีเอชเอ(DHA)จำนวนมากที่ถูกส่งผ่านรกสู่ทารกอาจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาโดยรวมของทารกในครรภ์ได้

หมายเหตุ
คริลล์ออยล์ Krill Oil เป็นสารอาหารธรรมชาติที่ควบคุมระดับไขมันในเลือด จึงอาจจะเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บางคน ดีเอชเอที่มาจากสาหร่ายเซลล์เดียวอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ ผู้หญิงบางท่านอาจจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ซึ่งหมายถึงเลือดนั้นเข้มข้นเกินไป ในกรณีนี้น้ำมันกุ้งคริลล์อาจจะเป็นตัวช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานน้ำมันกุ้งคริลล์หรืออาหารเสริมอื่นๆ โอเมก้า-3 ในปริมาณสูง

SUPERBA KRILL™ : เจนเนอเรชั่นใหม่ของ Omega-3 จากคริลล์

เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์, ได้รับการทดสอบทางการแพทย์, สะอาด, ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและตรวจสอบได้

Superba™ Krill คืออะไร

Superba™ Krill มาจากกุ้งเคยแอนตาร์กติก (Antarctic Krill) ในสปีชีส์ Euphausia superba ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 สายยาวทั้ง EPA และ DHA รวมไปถึงฟอสโฟลิพิด, โคลีน และแอสตาแซนทิน

ชีวมวลจากแอนตาร์กติกคริลล์

เป็นสปีชีส์หนึ่งของแพลงก์ตอนสัตว์ทีไม่มีกระดูกสันหลัง ฝูงคริลล์จำนวนมากนั้นจะลอยทะเลแอนตาร์กติก และกินสาหร่ายขนาดเล็กเป็นอาหาร โดยคริลล์นั้นถือว่าเป็นชีวมวลในทะเลที่มีปริมาณมากที่สุดในโลก

การเก็บเกี่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Aker BioMarine นั้นพัฒนาเทคโนโลยีของอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการจับคริลล์จากท้องทะเล โดยป้องกันการเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติให้น้อยที่สุด และคงไว้ซึ่งคุณประโยชน์ของสารอาหารที่มีตามธรรมชาติของคริลล์ให้มากที่สุด

Superba™ Krill Oil

สาหร่ายที่เป็นอาหารของคริลล์นั้นเป็นแหล่งของโอเมก้า 3s และยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระแอสตาแซนทิน ทำให้สีของ Superba™ ของเรานั้นมีสีออกแดง และที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังสามารถทำงานเสมือนกรดไขมันตามธรรมชาติ

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอเมก้า 3 ในรูปแบบของฟอสโฟลิพิด = สารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูง

โอเมก้า 3s ภายใน Superba™ Krill นั้นสามารถเชื่อมโยงพันธะส่วนใหญ่กับฟอสโฟลิพิดที่มีหน้าที่ในการขนส่งกรดไขมันไปสู่เซลล์ รูปแบบของพันธะโอเมก้า 3s และฟอสโฟลิพิดจะช่วยให้เซลล์ได้รับคุณประโยชน์มากกว่าโอเมก้า 3s ในรูปแบบอื่น

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอเมก้า-3 คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ

คุณประโยชน์จากฟอสโฟลิพิดใน Superba™ Krill นั้นจะทำให้คุณแน่ใจได้ว่ากรดไขมันโอเมก้า 3s ได้ถูกนำไปใช้ในทุกส่วนของร่างกาย ทั้งสมอง, หัวใจ และข้อต่อต่าง ๆ

Superba™ Krill คืออะไร

Superba™ Krill ประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3, ฟอสโฟลิพิด (Phospholipids), โคลีน และแอสตาแซนทิน (Astaxanthin)
Superba™ Krill เป็นสารสกัดจากตัวเคยแอนตาร์กติก (Euphausia superba), คริลล์แอนตาร์กติกเป็นสายพันธุ์ที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาวทั้ง EPA (Eicosapentaenoic acid) และ DHA (docosahexaenoic acid) คริลล์เป็นหนึ่งในสปีชีส์แพลงก์ตอนสัตว์ทีไม่มีกระดูกสันหลัง โดยคริลล์นั้นจะอยู่เป็นฝูงขนาดใหญ่เคลื่อนที่ไปทั่วน่านน้ำแอนตาร์กติกที่มีความใสสะอาดและกินสาหร่ายขนาดเล็กในน้ำเป็นอาหารจึงทำให้มันเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยมีโอเมก้า 3s นอกจากนี้ในสาหร่ายที่เป็นอาหารของคริลล์ยังอุดมไปด้วยแอสตาแซนทิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงและเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ Superba™ นั้นมีสีแดงโดดเด่น ที่สำคัญกว่านั้นแอสตาแซนทินยังทำหน้าที่เป็นสารกันบูดตามธรรมชาติให้กับกรดไขมันโอเมก้า 3s จึงมีประโยชน์ในการช่วยรักษา Superba™ Krill ให้มีความสดใหม่ ซึ่งแอสตาแซนทินได้รับการยอมรับว่ามีส่วนในการช่วยยับยั้งจากการเกิดออกซิเดชันของกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งนี่หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้สารเติมแต่งใด ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของโอเมก้า 3 ในระยะยาว
โอเมก้า 3s รูปแบบพันธะสายยาวของ Superba™ Krill นั้น ร่างกายของเราจะมีความคุ้นเคยมากกว่า เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วพันธะในรูปแบบนี้จะยึดอยู่กับฟอสโฟลิปิดทำให้เกิดการทำงานร่วมกันและส่งผลลัพธ์ที่ดีกว่า นอกจากนี้ฟอสโฟลิปิดเหล่านี้ใน Superba™ Krill จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่ามีการขนส่งกรดไขมันสำคัญ EPA และ DHA ไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ เช่น สมอง, หัวใจ,ดวงตา และข้อต่อ อย่างครบถ้วน
คริลล์เป็นแหล่งของโอเมก้า-3s ที่น่าสนใจมากเพราะกรดไขมันที่สำคัญในทางชีวภาพนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าโอเมก้า 3s จากแหล่งอื่น ๆ ประโยชน์ข้อแรกและที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของมันคือ ส่งผลให้เม็ดยามีขนาดเล็ก ประโยชน์ข้อที่สองคือ มันช่วยให้ไม่เกิดการไหลย้อนกลับ เนื่องจากโอเมก้า-3s ของคริลล์นั้นจะเข้าไปรวมกับอาหารอื่น ๆ ภายในช่องท้องของคุณ จึงทำให้ช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดอาการกรดไหลย้อนและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหารอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์และอาจเกิดขึ้นบ่อยครั้งจากการรับประทานผลิตภัณฑ์โอเมก้า-3s ที่มีแหล่งที่มาจากทะเลชนิดอื่น ๆ (ดูรูปที่ 1 ด้านล่าง)

รูปที่ 1 : ฟอสโฟลิปิดทำหน้าที่ขนส่งโอเมก้า 3s EPA/DHA ให้แก่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า

Superba™ Krill โอเมก้า 3s ถูกขนส่งและรวมเข้ากับเยื่อหุ้มเซลล์ได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะมันมีพันธะร่วมกันกับฟอสโฟลิปิด ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้กรดไขมันโอเมก้า 3 EPA และ DHA มีความสามารถในกำหนดทิศทางของของเหลว, กระบวนการส่งสัญญาณ และการทำงานของการเผาผลาญในเซลล์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือยิ่งโอเมก้า 3s ในเซลล์ของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเท่าไหร่ จะส่งผลให้มันทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ไม่เพียงแค่นั้น นอกเหนือจากโอเมก้า 3s, ฟอสโฟลิปิดและแอสตาแซนทินแล้ว Superba™ Krill ยังมีโคลีนซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อตับ, หัวใจ และการทำงานของสมองอีกด้วย (ดูตารางที่ 1 ด้านล่าง)

Superba™ Krill อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญจากธรรมชาติ
ส่วนประกอบในคริลล์	ลักษณะเฉพาะ
กรดไขมันสายยาวโอเมก้า 3 (EPA และ DHA)	กรดไขมันชนิดหนึ่งที่พบในไขมันและเยื่อหุ้มเซลล์หรือใช้เป็นพลังงาน ได้รับการยอมรับประโยชน์ต่อสุขภาพโดยมีเอกสารยืนยันและสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องมากกว่า 30,000 ชิ้น สารอาหารที่จำเป็นต่อหัวใจ, ข้อต่อ, สมองผิวหนัง และดวงตา
ฟอสโฟลิปิด	ลิปิด (Lipid) ที่ประกอบด้วยฟอสเฟตและกลุ่มกลีเซอรอลและกรดไขมัน 2 ชนิด รูปแบบการขนส่งที่ดีที่สุดสำหรับ EPA และ DHA เป็นส่วนสำคัญในการสร้างผนังของเยื่อหุ้มเซลล์
โคลีน	สารอาหารสำคัญของร่างกาย สารชีวเคมีที่มีความสำคัญในการช่วยปกป้องตับ, หัวใจ และความสมบูรณ์ของประสาท
แอสตาแซนทิน	แคโรทีนอยด์ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูง ช่วยป้องกันการออกซิเดชันของกรดโอเมก้า 3s ในน้ำมันคริลล์ ทำให้มันมีความสดใหม่ตามธรรมชาติและมีความเสถียรอยู่เสมอ ทำหน้าที่คล้ายกับสารกันบูดตามธรรมชาติ

ตารางที่ 1

ประโยชน์ด้านสุขภาพของกรดไขมันโอเมก้า-3s รูปแบบสายยาวใน Krill oil

กรดไขมันโอเมก้า 3s EPA & DHA แบบสายยาว ถูกพิจารณาว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาสุขภาพของประชากรทั่วโลก จากข้อมูลขององค์กรระดับโลกเกี่ยวกับ EPA/DHA โอเมก้า 3s (GOED) พบว่าโอเมก้า 3s นั้นเป็นสารอาหารที่ได้รับการวิจัยมากที่สุดในโลก ที่จริงแล้วมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอเมก้า 3s มากกว่าสารอาหารอื่น ๆ เกือบทั้งหมด รวมไปถึงไอบูโปรเฟน, แคลเซียม, วิตามิน D และลิปิเตอร์ โดยมีเอกสารที่ได้รับการเผยแพร่มากกว่า 30,000 ฉบับ, Adam Ismail ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของ GOED กล่าวว่า การวิจัยที่ถูกทำขึ้นนั้นบ่งชี้ว่าเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของโอเมก้า 3 ที่มีผลทางด้านสุขภาพของมนุษย์ (ดูรูปที่ 2 ด้านล่าง)

รูปที่ 2 : โอเมก้า 3s มีปริมาณการศึกษาทางคลินิกมากกว่าสารอาหารสำคัญชนิดอื่น ๆ

อาหารตะวันตกทั่วไปมีปริมาณของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโคลีนเป็นส่วนประกอบไม่เพียงพอจึงมีส่วนทำให้ชาวอเมริกันประมาณ 90% ประสบกับปัญหาขาดสารอาหารเหล่านี้ ภาวะขาดแคลนกรดไขมันโอเมก้า 3 และฟอสโฟลิปิดเชื่อมโยงกับโครงสร้างของเซลล์ที่เสียหายและการไหลผ่านของของเหลวที่ลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เซลล์เกิดความผิดปกติ โดยความผิดปกติของเซลล์นั้นก็จะส่งผลต่อสภาวะสุขภาพของหัวใจ, สมอง, ตับ, ข้อต่อและส่วนอื่น ๆ ในร่างกายนั่นเอง
ภาวะขาดโอเมก้า 3s นั้นสามารถนำไปสู่โรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการอักเสบได้ เช่น โรคหัวใจ, โรคอัลไซเมอร์/โรคสมองเสื่อมและโรคข้ออักเสบ เนื่องจากโอเมก้า 3s นั้นถูกออกแบบให้เป็นสารต้านการอักเสบในร่างกาย ดังนั้นมันจึงมีความเชื่อมโยงที่สามารถเห็นได้ชัดระหว่างภาวะขาดสารอาหารและการเกิดโรคเหล่านี้เพิ่มขึ้น (ดูรูปที่ 3 ด้านล่าง)

รูปที่ 3 : ผู้เสียชีวิตในสหรัฐอเมริกามากกว่า 16% เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองอุดตัน
สามารถป้องกันได้ด้วยการรับประทานโอเมก้า 3 เพิ่มเติมให้ได้ 250 กรัมต่อวัน

SUPERBA™ นั้นผ่านการทดสอบทางการแพทย์

Aker BioMarine เป็นผู้ร่วมก่อตั้งรายใหญ่ที่สุดในการตรวจสอบคุณสมบัติและความสมบูรณ์ของคริลล์ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
Superba™ Krill ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานและข้อมูลที่เพิ่มขึ้น โดยการทดลองทางคลินิกส่วนใหญ่ที่ดำเนินการกับคริลล์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้นำเสนอคุณสมบัติของ Superba™ Krill การวิจัยที่ศึกษาถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในมนุษย์ 2 ชิ้น พบว่ารูปแบบโมเลกุล (เทียบระหว่างฟอสโฟลิปิดกับไตรกลีเซอไรด์) ของกรดไขมันโอเมก้า 3 มีความสำคัญต่อการดูดซึมของ EPA และ DHA ในพลาสมา
ในการวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง, ผู้เข้าร่วมการศึกษาเริ่มต้นการศึกษาด้วยการมีดัชนีโอเมก้า 3 เฉลี่ยอยู่ที่ 2.0 ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่ค่อนข้างต่ำ หลังจากสัปดาห์ที่ 8 ของการรับประทาน Superba™ Krill เป็นประจำทุกวัน ปริมาณวันละ 2 กรัม ดัชนีโอเมก้า 3 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 4.5 ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 125% ในความเป็นจริงแล้วดัชนี โอเมก้า 3 นั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถึง 45% หลังจากที่รับประทานอย่างต่อเนื่องเพียง 2 สัปดาห์ การสังเกตเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า โอเมก้า 3ในรูปปบบของฟอสโฟลิปิด จาก Superba™ Krill นั้นถูกดูดซึมจากลำไส้ไปสู่กระแสเลือด และ EPA และ DHA นั้นได้ถูกนำไปใช้จนถึงในระดับเซลล์
ในการวิจัยที่ตีพิมพ์อีกฉบับ นักวิจัยได้ทำตรวจสอบความสามารถของ Superba™ Krill ในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์โดยไม่เพิ่มระดับโคเลสเตอรอล “ไม่ดี” (LDL) ในผู้ที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์ค่อนข้างสูงหรือสูงเลยค่าที่กำหนด โดยมีผู้เข้าร่วมการทดลองจำนวน 300 คน เข้าร่วมในการศึกษาหลายแบบทั้งแบบสุ่ม, แบบอำพรางข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย (double-blind), แบบทดลองควบคุมด้วยยาหลอก (placebo-controlled) และ การทดลองแบบหลายศูนย์ (Multi-center) ในสหรัฐอเมริกา โดยจะแบ่งกลุ่มการรักษาออกเป็น 5 กลุ่มรวมถึงกลุ่มยาหลอก (ใช้น้ำมันมะกอก) และอีก 4 กลุ่มที่เหลือจะได้รับประทานน้ำมันคริลล์ปริมาณ 0.5, 1, 2 และ 4 กรัมทุกวัน
การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงผลของไตรกลีเซอไรด์ที่ลดลง - โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระดับ LDL (โคเลสเตอรอล “ไม่ดี”) ผู้เขียนงานวิจัยได้ข้อสรุปจากการค้นพบของพวกเขาว่า Superba™ Krill oil มีประสิทธิภาพในการลดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดและมีความสำคัญในการรักษาภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ
Aker BioMarine มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการทดสอบทางคลินิกที่เกี่ยวกับคริลล์มากกว่าบริษัทอื่น ๆ จึงทำให้ Superba™ เป็นแบรนด์ที่ได้รับการวิจัยเกี่ยวกับคริลล์มากที่สุดในตลาด นอกเหนือจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ยังมีการวิจัยบางชิ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่รวมไปถึงเรื่องสุขภาพของสมอง, โภชนาการการกีฬาและสุขภาพผิว การวิจัยทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับประสิทธิผลของ Superba™ Krill ที่มากกว่าเรื่องสุขภาพหัวใจ

การใช้ดัชนีโอเมก้า-3 เป็นเครื่องมือเพื่อสุขภาพ

มีการทดสอบดัชนีโอเมก้า 3 หลายล้านครั้ง เพื่อนำไปใช้ในการจัดการความเสี่ยงโรคหัวใจของผู้ป่วย
มีเอกสารตีพิมพ์มากกว่า 150 ฉบับที่ใช้หรืออ้างอิงจากดัชนีโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นเครื่องมือวินิจฉัยที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่แพทย์และผู้บริโภค ในความเป็นจริงแล้วแพทย์มีการใช้การทดสอบดัชนี โอเมก้า 3 หลายล้านรายการเพื่อนำไปช่วยจัดการกับความเสี่ยงโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วย และเมื่อดัชนีโอเมก้า 3 เริ่มมีบทบาทสำคัญในการรักษาในชีวตประจำวัน ผู้ป่วยและแพทย์สามารถมุ่งเน้นการรักษาให้ไปถึงเป้าหมายอย่างน้อย 8% โดยเพิ่มการบริโภคน้ำมันปลาและ/หรือการเสริมโอเมก้า 3 (ดูรูปที่ 4 ด้านล่าง)

รูปที่ 4 : ดัชนีโอเมก้า 3

นอกจากช่วยในการประเมินสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของแต่ละคนแล้ว ดัชนีโอเมก้า 3 ยังนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสมบูรณ์ในร่างกายของบุคคลตามระดับโอเมก้า 3s EPA และ DHA ในเลือดของพวกเขา ในขณะที่โอเมก้า 3 รูปแบบสายยาวที่สุดจะสามารถยกระดับดัชนีโอเมก้า 3 ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของโอเมก้า 3s ด้วยเช่นกัน
ผลิตภัณฑ์ของ Superba™ Krill นั้นจะสามารถส่งผลดีกับสุขภาพได้อย่างหลากหลาย เช่น ความสมบูรณ์ของหัวใจ, สมอง และสุขภาพตา นอกจากนี้ร่างกายมนุษย์จะใช้โอเมก้า 3 ที่มาจากคริลล์ได้ดีกว่า เนื่องจากส่วนใหญ่จะเชื่อมอยู่กับฟอสโฟลิปิดซึ่งมีหน้าที่ในการนำกรดไขมันเหล่านี้เข้าสู่เลือดและส่งไปทั่วร่างกาย จากการศึกษาพบว่า Superba™ Krill ช่วยเพิ่มดัชนีโอเมก้า 3 เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอเมก้า 3 ที่มาจากแหล่งทางทะเลและสาหร่ายอื่น ๆ

SUPERBA™ สารสกัดบริสุทธิ์, แหล่งที่มาที่ปลอดภัย อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ

เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นสารสกัดทั้งหมด Superba™ Krill oil นั้นถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมก้า 3 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มาในในรูปแบบดั้งเดิม
คริลล์ถูกพบที่ทะเลแอนตาร์กติก ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารระดับล่างและอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่สะอาดที่สุดในโลกซึ่งมีสารปนเปื้อนในธรรมชาติอยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คริลล์นั้นเป็นแหล่งอาหารที่มีสารอาหารที่สมบูรณ์และดีมากสำหรับนักล่าตามธรรมชาติที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารระดับสูงกว่ารวมไปถึงมนุษย์
Superba™ Krill นั้นมีความพิเศษเป็นอย่างมากในโลกของโอเมก้า 3 ที่มีแหล่งที่มาจากทะเล เนื่องจากในการนำโอเมก้า 3 มาใช้ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย แต่ Superba™ Krill นั้นใช้ขั้นตอนน้อยกว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับโอเมก้า 3 ที่ได้จากแหล่งทางทะเลอื่น ๆ น้ำมันที่ได้จากคริลล์ถือว่าครอบคลุมปริมาณสารอาหารสำคัญได้ทั้งหมด นอกจากนี้การนำผ่านกระบวนการอย่างรวดเร็วที่สุดและผ่านขั้นตอนในการแปรรูปน้อยของ Superba™ Krill นั้นจะช่วยป้องกันการแตกตัวและการสลายตัว ซึ่งช่วยรักษาความสมบูรณ์ทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ไว้ (ดูรูปที่ 5 ด้านล่าง)

รูปที่ 5 : PCBs และ TEq โดยแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์
คริลล์นั้นเกือบจะปราศจากสารปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม 100%

เสถียรภาพของผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3s และความไวในการเกิดออกซิเดชันนั้นเป็นปัญหาที่ผู้ที่คุ้นเคยกับกรดไขมันที่มีแหล่งที่มาจากทะเลรู้กันดี แต่ Superba™ ของเรานั้นมีข้อได้เปรียบเหนือผลิตภัณฑ์โอเมก้า 3 สายยาวชนิดดั้งเดิมถึง 2 ประการ นั่นก็คือ Superba™ มีส่วนประกอบของโอเมก้า 3s ในปริมาณที่สูง นอกจากนี้ยังมีฟอสโฟลิปิดและแอสตาแซนธินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่ากรดโอเมก้า 3 ที่มีพันธะกับฟอสโฟลิปิดมีแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้น้อยกว่ากว่ากรดโอเมก้า 3 ในรูปแบบไตรกลีเซอไรด์แบบดั้งเดิม รวมไปถึงแอสตาแซนทินที่มีประสิทธิภาพการเพิ่มเติมในการป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของกรดโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยยืดอายุการเก็บสินค้า
แอสตาแซนทินสามารถยับยั้งการเกิดออกซิเดชันของกรดไขมัน จึงสามารถรักษาสภาพของไขมันอยู่ภายในแคปซูลได้ – เหมือนกับเป็นสารกันบูดตามธรรมชาติช่วยไม่ให้คริลล์เสื่อมสภาพ
ในปัจจุบันนี้ยังไม่พบระดับความเป็นพิษในน้ำมันคริลล์ เนื่องจากคริลล์แอนตาร์กติกนั้นอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด, เป็นธรรมชาติ, ปราศจากมลพิษ ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยมากในการปนเปื้อนของโลหะหนัก ยิ่งไปกว่านั้น Superba™ Krill ยังได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางทั้งจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ, ในสิ่งมีชีวิตและการศึกษาผลที่เกิดในมนุษย์ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการปราศจากสารพิษ
งานวิจัยในมนุษย์ที่ได้รับการตีพิมพ์ ได้ทำการศึกษากับอาสาสมัครชายและหญิงจำนวน 76 คน พบว่าเมื่อพวกเขาทานอาหารเสริมจากคริลล์เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ทำให้ช่วยเพื่มระดับ EPA และ DHA ในพลาสมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีข้อบ่งชี้ถึงผลกระทบที่อันตราย อย่างไรก็ตามผู้ที่มีอาการแพ้สัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง (เช่น กุ้ง, ปู, กุ้งมังกร ฯลฯ ) ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของคริลล์

ความยั่งยืนและการตรวจสอบย้อนกลับ (SUSTAINABILITY & TRACEABILITY)

“เมื่อผู้บริโภคคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ทั้งด้านสุขภาพและความยั่งยืน 58% ของผู้คนเหล่านี้มักจะมีแนวโน้มที่จะลองใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ และผู้คนมากกว่า 53% มีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณซ้ำ ๆ” — จาก NMI’s Sustainability in America 2015: Trend & Opportunities Report
การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นหัวใจหลักของ Aker BioMarine ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญของเราตั้งแต่เริ่มก่อตั้งองค์กร เราให้ความสำคัญกับคริลล์ในฐานะที่มันเป็นสัตว์สายพันธุ์หลักในแอนตาร์กติกา ความมุ่งมั่นของบริษัทคือการสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับอนาคตของคริลล์และอนาคตของสัตว์ทั้งหลายที่พึ่งพาคริลล์เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณภาพในห่วงโซ่ อาหาร
จากรายงานปี 2015 โดยกลุ่มพัฒนาการประมงที่ยั่งยืน (SFP) แสดงให้เห็นว่า แหล่งโอเมก้า 3 ที่อยู่ในระดับ “ดีมาก” นั้นมีแหล่งที่มาจากคริลล์แอนตาร์ติกที่ได้มาจากการประมงของ Aker BioMarine ที่เดียวเท่านั้น โดยเราได้รับคะแนนการประเมินเป็น “A”
ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจจาก SFP ในการประเมินและส่งเสริมความยั่งยืนของซัพพลายเออร์โอเมก้า 3 โดยองค์กรได้ทำวิเคราะห์ข้อมูลจากสัตว์ 24 ชนิด 13 สายพันธุ์ (แบ่งเป็นปลาและสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง) และเน้นไปที่การนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปลาป่นและน้ำมันปลา – นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับ “การลดต้นทุนในการประมง” โดยในการประมงมีการจัดอันดับความยั่งยืนออกเป็น 4 ประเภท : A- การจัดการการประมงในระดับที่มีความเหมาะสมดีมาก, B1- การจัดการการประมงที่มีความเหมาะสมดี, B2- การจัดการการประมงที่มีความเหมาะสมค่อนข้างดี, C - การจัดการการประมงที่มีความเหมาะสมต่ำ (ดูรูปที่ 6)

รูปที่ 6 : ความสามารถในการจัดการความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการประมงในหัวข้อความยั่งยืน
Aker BioMarine เป็นแหล่งจัดหาโอเมก้า 3 แหล่งเดียวที่ได้รับคะแนนในระดับ “A” ในการจัดการการประมง

การได้รับคะแนนในระดับ “A” จาก SFP นี้มีความสำคัญต่อการทำประมงคริลล์เป็นอย่างมาก เพราะได้รับการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระมันแสดงให้เห็นว่ามีการจัดการการทำประมงอย่างยั่งยืน เนื่องจากโอเมก้า 3 ที่มีแหล่งที่มาจากทะเลที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารส่วนใหญ่นั้นมาจากการทำประมง จึงจำเป็นต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเพราะสัตว์ในสปีชีส์ที่นำมาใช้นั้นเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อาหาร ด้วยเหตุผลนี้และเหตุผลอื่น ๆอีกมากมายส่งผลให้บริษัทที่ทำการผลิตหรือจัดจำหน่ายโอเมก้า 3 ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นและสัตว์นักล่าได้รับการป้องกันเป็นอย่างดี
Aker BioMarine ได้รับความสำเร็จอีกครั้งในต้นปี 2015 จากการได้รับการรับรองจาก Marine Stewardship Council (MSC) เกี่ยวกับการทำประมงอย่างยั่งยืนและมีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แบบย้อนกลับได้ 100% การได้รับการรับรองในรอบต่อ ๆ มาของ Aker นั้นได้รับการต่ออายุโดยไม่มีการคัดค้าน, ไม่มีเงื่อนไขขัดแย้ง และยังได้รับคะแนนการประเมินที่สูงมาก
การสัมภาษณ์อย่างละเอียดถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประเมินใหม่ประกอบกับการทบทวนเอกสารสิ่งพิมพ์และแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนและทั่วถึง ผู้มีความเกี่ยวข้องที่สำคัญในการประมง ได้แก่ ชาวประมง, นักวิทยาศาสตร์, เจ้าหน้าที่คุ้มครองการประมง, NGOs (องค์กรเอกชนที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร), ผู้จัดการการประมง และเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค นอกจากนี้ยังมี WWF-Norway และ British Antarctic Survey ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนารายงานนี้
ในปี 2015 Aker BioMarine ได้ผ่านการตรวจสอบจากองค์กรเอกชนที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร (Non-GMO) โดยในปัจจุบันนี้ Superba™ เป็นแบรนด์น้ำมันคริลล์เพียงแห่งเดียวที่ได้รับการตรวจสอบจาก Non-GMO และเป็นหนึ่งในไม่กี่องค์กรที่ได้รับการอนุมัติในการเป็นผู้จัดหาโอเมก้า 3
จากรายงานของวารสารธุรกิจโภชนาการว่า “ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบโดย NGOs” นั้นมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 99% ในปี 2013 ซึ่งสูงกว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์ Non-GMO ซึ่งเติบโตอยู่ที่ 12% และ 2% ตามลำดับ ซึ่งการตรวจสอบโดย NGOs ที่มีการเพิ่มหลักเกณฑ์และความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับนั้นสามารถช่วยรับรองได้ว่าในการผลิต Superba™ นั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) เป็นส่วนประกอบ
ในแง่ของการทำประมงคริลล์นั้น Aker BioMarine ยังคงเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานสูงสุดสำหรับการปฏิบัติงาน หนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของเราคือ เทคโนโลยี Eco-Harvesting® ที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์การในการทำประมงคริลล์มามากกว่าทศวรรษ
เทคโนโลยีนี้มีการใช้ระบบอวนลากที่พิเศษแตกต่างจากระบบอวนลากของที่อื่นและมีการเชื่อมต่อสายโดยตรงระหว่างอวนลากกับเรือ เพื่อให้อวนของเรานั้นมีกลไกพิเศษที่สามารถแยกสัตว์ที่เราไม่ต้องการ (สิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่คริลล์) ออกมาและปล่อยกลับสู่ท้องทะเลโดยที่สัตว์เหล่านั้นจะไม่ได้รับอันตราย กระบวนการจับที่อ่อนโยนจะสามารถช่วยรักษาความสมบูรณ์ทางโภชนาการของคริลล์และจำกัดการเกิดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมได้ (ดูรูปที่ 7)

รูปที่ 7

SUPERBA™ จะเป็นลมหายใจใหม่ที่สำคัญของตลาดโอเมก้า 3

ด้วยเทคโนโลยีพิเศษจาก Aker BioMarine ที่มีการนำนวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาดธุรกิจโอเมก้า 3 ด้วยความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันคริลล์ที่สามารถออกแบบเองได้
ตลาดของโอเมก้า 3 ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองและคึกคักเป็นอย่างมาก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านพบว่ายอดขายนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์หมวดหมู่อื่นและสื่อที่นำเสนอในเชิงลบ โชคดีที่นักวิเคราะห์หลายคนนั้นได้มีการคาดการณ์ผลตอบแทนจากการเติบโตของตลาดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่ง Aker BioMarine นั้นเป็นองค์กรชั้นนำและแนวหน้าในการการผลักดันด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้ตลาดโอเมก้า 3 นั้นเดินหน้าต่อไป
โดยตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการเกิดสิ่งใหม่นี้คือ Flexitech™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Aker BioMarine เราใช้มันเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์น้ำมันคริลล์ที่มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าของแบรนด์ เรามีสูตรในการผลิตแคปซูลที่มีคุณสมบัติในการห่อหุ้มที่รักษาคุณภาพของสารอาหารสำคัญเพื่อผู้บริโภค ความสามารถรอบด้านต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ผลิตมีส่วนประกอบที่เป็นประโยชน์มากมาย เช่น ฟอสโฟลิปิดและโอเมก้า 3 นอกจากนี้ยังช่วยในการกำจัดเกลือในน้ำมันคริลล์ซึ่งสามารถใช้ในการขจัดกลิ่นและรสชาติ

นวัตกรรม Liquid capsules Nutracode

Liquid capsules หรือแคปซูลเหลวที่ผลิตจากผักกำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากผลิตจากธรรมชาติ 100 % และไม่มีชิ้นส่วนจากสัตว์ในกระบวนการผลิตเหมือนแคปซูลแบบเจลาติน

ทำไมต้องเป็นแคปซูลจากผัก?

เพราะผลิตจาก HPMC คือ HYDROXYL, PROPYL, METHYL และ CELLULOSE และน้ำบริสุทธิ์ แคปซูลผักปลอดจากส่วนประกอบที่แปรรูปจากสัตว์ในกระบวนการผลิต 100% จึงทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่เป็นมังสวิรัติ
HPMC ในแคปซูลได้มาจากเปลือกไม้จาก PINE TREE และ SPRUCE ซึ่งเป็นต้นไม้ตระกูลสนจากทั้งในยุโรปและอเมริกา

ข้อดีของแคปซูลผัก Liquid capsules Nutracode

ปลอดจากสารที่ก่อภูมิแพ้
ปลอดจากกลูเตนซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ในแป้ง
ปลอดจากสารถนอมอาหาร
ปราศจาก รส กลิ่นและสี
ง่ายต่อการดึงออกจากกันออกและปิดเข้าด้วยกัน
ง่ายต่อการดูดซึมในร่างกาย สามารถละลายและนำไปใช้งานได้เลยทันที

ประโยชน์ของแคปซูลผัก Liquid capsules Nutracode

เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไวต่อความชื้น
เปลือกที่ห่อหุ้มแคปซูลแบบเจลาตินมีส่วนผสมของน้ำสูงกว่า เมื่อเทียบกับแคปซูลจากผักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ไวต่อความชื้น
ปราศจากพลาสติก
แคปซูลแบบเจลส่วนใหญ่มีส่วนผสมของพลาสติกไซเซอร์ชนิด SORBITAL หรือ GLYCEROL ซึ่งบางครั้งสามารถซึมเข้าไปปะปนกับสารที่บรรจุอยู่ในแคปซูลได้ แต่เนื่องจากแคปซูลผักไม่มีส่วนประกอบของพลาสติก จึงหมดปัญหาในเรื่องนี้
ทนต่ออุณหภูมิที่สูงกว่า
แคปซูลแบบเจลนั้น ไม่สามารถทนความร้อนในขั้นตอนการบรรจุเกิน 35 องศาเซลเซียสได้ ในขณะที่แคปซูลแบบผักสามารถทนความร้อนได้มากกว่า 75 องศาเซลเซียส นั่นหมายความว่า คุณสามารถนำแคปซูลจากผูกไปใช้กับผลิตภัณฑ์ในสูตรที่หลากหลายกว่า
จุลินทรีย์ไม่สามารถเติบโตได้ เชื้อจุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในแคปซูลจากผัก ทำให้ลดการเรียกคืนสินค้าและสร้างยอดขายได้มากขึ้น
ปราศจากการปนเปื้อนของตัวทำละลาย

ทั้งหมดที่กล่าวมา แคปซูลจากผักแบบเหลว คือตัวเลือกที่ดีเยี่ยม ไม่เพียงเพราะประโยชน์ของผลิตภัณฑ์แบบเหลว แต่ยังสามารถดึงดูดผู้บริโภคมังสวิรัติที่เสาะหาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติ 100%

ข้อมูล https://nutracode.life/krill-oil-products/